วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2552

เรื่องเล่าจากในวัง- อ่านแล้วอ่านอีกก็ยังไม่เบื่อ

ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังอยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริงเหตุการณ์เกิดทีจังหวัดตาก

เมื่อพระเทพฯ ทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ และได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชน
ในตลาดสดและถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา
ซึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า 'ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ' แม่ค้าตอบว่า 'ที่สวรรคตแล้ว
กิโลละ 40 บาท และที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80 บาทจ๊ะ'
เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพารที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน

---------------------------------------

เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้านางสนองพระโอษฐ์ของฟ้าหญิงองค์เล็ก

ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย ขอพูดสายกับฟ้าหญิง ทางนางสนอง
พระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วยก็มีเสียงตอบกลับมาว่า

'คนที่แบงค์' นางสนองพระโอฐก็ งง...งง ว่าคนที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่เช้า

แบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่หว่าแต่พอฟ้าหญิงรับโทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า

คนที่แบงค์น่ะก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ

............ ขนลุกเลย ทรงตรัสกับในหลวงท่านอยู่นั่นเอง

------------------------------------

อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง

ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูลที่คล่องแคล่ว
และใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์
ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า 'ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า
บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้า..' มาถึงตอนสำคัญ
ที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว..

พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า 'มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไปทิ้งพระโอรส
ไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลยและทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว'

เรื่องนี้ ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง

-------------------------------------

เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น

เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่ง ได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์

ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับ
เจ้าหน้าที่ว่า 'ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์'

--------------------------------------

เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวง ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน

และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

ถวายรายงานครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน มีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูล

รายงานว่า 'ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม

ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต

กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ' เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้มพระสรวล

อย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า'เออ ดี เราชื่อเดียวกัน...

'ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย

เพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้

-----------------------------------

มีอยู่ครั้งหนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตร ให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัย

แห่งหนึ่ง ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุย ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถ

แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้ ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูลว่า

'ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า'ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆ กับอธิการบดีว่า

'เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก'

------------------------------------

เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดาร เพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร
อยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว
แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูล ขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า
'ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์' ในหลวงทรงตรัสว่า 'ขอเดชะ พระหมดแล้ว '

------------------------------------

วันหนึ่ง พระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัด

ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมา

ตามลาดพระบาท ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาท

แล้วก็เอามือของแกมาจับพระหัตถ์ของในหลวง แล้วก็พูดว่า 'ยายดีใจเหลือเกินที่
ได้เจอในหลวง' แล้วก็พูดว่า ยายอย่างโน้น ยายอย่างนี้ อีกตั้งมากมาย

แต่ในหลวงก็ทรงเฉยๆ มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร แต่พวกข้าราชบริพาร

ก็มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัย หรือไม่

แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบว่ากับหญิงชราคนนั้น

ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า

'เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะ ต้องเรียกน้าซิถึงจะถูก'

-------------------

ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้วพระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวี

มีพระอาการคันมีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา

คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์

ก็กราบบังคมทูลว่า 'เอ้อ - ทรง... อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ

อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ' พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า

'ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะท้องได้ยังไง'แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่า

หมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า

เอ้า พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป ------------------------------

เรื่องนี้รุ่นพี่ที่จุฬาฯ เล่าให้ฟังว่ามีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร อธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิตแล้วบังเอิญว่า มีเหตุขัดข้องบางประการทำให้อ่านขาดตอน

ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหนแล้ว ปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลยตรัสกับอธิการไปว่า'เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไปแล้ว'และมีอีกปีนึง ขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆ ไฟดับไปชั่วขณะ... ทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูป

พอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะให้พระบรมราโชวาท

ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับพระราชทานอีกครั้ง เพื่อจะได้มีรูป

ไว้เป็นที่ระลึก ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอประชุมขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน>** *



เพื่อนฟอเวิร์ดมาให้อ่าน ๆ แล้วก็ยิ้มแหละ เผื่อเพื่อนคนอื่น ๆ หลงมาเจอบล็อกนี้ ก็หวังว่าจะยิ้มนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น: