วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

บันทึกอาเซียน ASEAN DIARY

ชอบเลยแปะมาให้เพื่อนอ่าน (เก็บไว้ในความทรงจำ เพื่อสอนลูกหลานว่า ประเทศจะล่มจมก็พวกนักการเมืองนี่แหละ.....ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์.....ของใคร, ที่แน่ๆ ไม่ใช่ของชาติ!)


การประชุมสุดยอดอาเซียนล้มเหลวที่พัทยา

ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน+6 ที่พัทยา ผมอยู่ในโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท ทุกวัน เหมือนสื่อมวลชนทั้งหลาย ในวันแรกที่ไปถึง รู้สึกสะดวกสบายและเห็นความราบรื่นในการเตรียมงาน มองเห็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่จากการประชุม เพราะการเตรียมงานเรียบร้อย มีประสิทธิภาพอย่างน่าภาคภูมิใจในฐานะคนไทยที่เป็นเจ้าภาพร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลไทย อาคารสถานที่ของโรงแรมก็โอ่โถง กว้างขวาง โอฬาร สมเป็นสถานที่จัดประชุมระดับโลก บรรยากาศสดชื่นงดงามของทะเลและชายหาดเป็นอมตะจนไม่ต้องอธิบาย บุคคลากรของกระทรวงการต่างประเทศทำงานสนับสนุนรัฐบาลที่ผมเชื่อมั่นในคุณภาพของนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างมาก

นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ผมภูมิใจในพื้นฐานความรู้ด้านการต่างประเทศอย่างที่สุด ผมชื่นชอบในบุคลิกการสื่อสารและภาษาที่ท่านใช้ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ ส่วนประวัติอันดีงามและความซื่อสัตย์สุจริตโปรงใสในชีวิตของท่านนั้นผมมั่นใจได้อย่างบริบูรณ์

แต่พอเริ่มงานในวันที่ 10 เมษายน 2552 ทุกอย่างก็ไหวสะเทือนเพราะแรงการประท้วงจากฝูงชนผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ใส่เสื้อสีแดงเป็นสัญลักษณ์ ผมทราบดีว่าคุณทักษิณ ต้องการอำนาจกลับคืนมา แต่ไม่มีวิธีอื่นใดนอกจากล้มรัฐบาลของนายกฯอภิสิทธิ์ และไม่มีวิธีอื่นใดที่จะล้มรัฐบาลได้ขณะที่ตัวเองเป็นผู้ต้องหนีโทษไปอยู่ต่างประเทศ นอกจากจะให้ตัวแทนของตนในประเทศไทย รวมพลังมวลชนมาก่อกวนเพื่อล้มรัฐบาลด้วยเงื่อนไขที่รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยใดๆจะรับได้ แต่ผมก็ไม่คิดว่ามวลชนของคุณทักษิณจะมาล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยา ที่ผมคิดเช่นนี้ก็เพราะว่าผู้นำการประท้วงกล่าวบนเวทีหน้าทำเนียบรัฐบาลที่กรุงเทพฯ ว่าจะไม่ขัดขวางการประชุมสุดยอดอาเซียนและพิสูจน์การรักษาสัจจะให้เห็นแล้วในระหว่างการประชุมสุดยอดก่อนหน้านี้ที่ชะอำ-หัวหิน

ในวันที่ 10 เมษายน ขบวนประท้วงเดินทางเข้ามาถึงหน้าโรงแรมอย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่ทางเข้าก็แคบและมีทางเข้าด้านหน้าทางเดียว ทางเข้าด้านหลังโรงแรมก็มี แต่ก็สามารถปิดกั้นให้ความปลอดภัยแก่สถานที่ประชุมได้หากตำรวจและทหารต้องการจะทำหน้าที่จริงๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธรุนแรง เพียงแต่ตั้งเครื่องกีดขวางเสริมด้วยตำรวจและทหารหลายๆแถว แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ ปรากฏการณ์เช่นนี้ทำให้เกิดความหวั่นไหวในหมู่สื่อมวลชนทั้งหลายว่าการประชุมจะดำเนินไปได้อย่างไร หากผู้ประท้วงจะบุกเข้ามาในอาคารที่เป็นศูนย์สื่อมวลชนเมื่อไรก็ย่อมได้ และสามารถบุกต่อไปยังอาคารที่ประชุมได้เช่นกัน ผู้ประท้วงนำโดยคุณอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ซึ่งตะโกนป่าวร้องบนรถบรรทุก ต่อว่าด่าทอรัฐบาลด้วยถ้อยคำที่รุนแรง แต่เงื่อนไขที่ขอให้มีตัวแทนอาเซียนมารับหนังสือประณามรัฐบาลไทย และฟ้องรัฐบาลชาติอื่นนั้นทำให้ผมคิดตามเดิมว่าเขาคงไม่ขัดขวางการประชุมแน่นอน

ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีบอกกับผมว่าคุณอริสมันต์ สัญญาว่าหลังจากมอบหนังสือแล้วจะถอยขบวนประท้วงออกไปทันที เมื่อคุณอริสมันต์ กับพวกอีกประมาณห้าคน ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในอาคารศูนย์สื่อมวลชนเพื่อยื่นหนังสือและรอตัวแทนจากสำนักเลขาธิการอาเซียน ระหว่างรอตัวแทนจากอาเซียนอยู่นั้นผมเข้าไปคุยกับตัวแทนพวกเสื้อแดงผู้สนับสนุนคุณทักษิณคนหนึ่งซึ่งผมก็ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่เขารู้จักผม จึงคุยกันได้ฉันมิตรด้วยภาษาที่สุภาพ เขาบอกผมว่าพวกเขามาถึงหน้าโรงแรมนานแล้ว แต่ไม่มีใครสนใจจะออกมาพูดจาถามไถ่ถึงความต้องการ ไม่มีใครเข้ามาเจรจาเลย รออยู่นาน ปราศรัยบนรถอยู่นานก็ยังไม่ได้รับการตอบสนอง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจ ไม่มีภาษาที่ก้าวร้าว ต่างกับภาษาที่ก้าวร้าวยั่วยวนหยาบคายที่เขาใช้บนเวทีปราศรัยบนรถนำขบวน ผมเชื่อว่าการที่เขาพูดคุยกับผมอย่างสุภาพและสงบก็เพราะเขาคุยกับผมซึ่งเขารู้จักในฐานะสื่อมวลชน (อาวุโส) ที่มิได้อยู่ตรงข้ามกับเขา หรือเข้าข้างฝ่ายใด การพูดคุยกันจึงพอจะได้รับข้อมูลที่จริงใจ ผมสะกิดหลังคุณอริสมันต์ที่กำลังยืนพูดกับผู้สื่อข่าวข้างหน้า คุณอริสมันต์หันมาทักทายผม แล้วผมก็บอกคุณอริสมันต์ ที่พวกเราสื่อมวลชนเรียก “กี้” ซึ่งเป็นชื่อเล่น ผมขอร้องคุณอริสมันต์ว่าขอให้ถอนกำลังมวลชนกลับไปหลังจากยื่นหนังสือแล้วตามที่ได้สัญญาไว้กับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ขอให้เห็นแก่อาเซียนและรัฐบาลซึ่งหมายถึงรัฐบาลของท่านนายกฯสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลท่านนายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และรัฐบาลของท่านนายกฯอภิสิทธิ์ ทั้งหมดรวมกัน เพราะทุกรัฐบาล ล้วนแล้วแต่ร่วมกันทำงานเพื่ออาเซียน เพื่อชื่อเสียงของประเทศไทยมานานแรมปี อาเซียนเป็นของทุกรัฐบาล เป็นของคนไทย และเป็นของพลเมืองเกือบ 600 ล้านคนใน 10 ประเทศร่วมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา

อาเซียนไม่เกี่ยวกับปัญหาระหว่างคุณทักษิณกับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์แต่ประการใด อาเซียนไม่เกี่ยวกับเสื้อเหลือหรือเสื้อแดง ผมพูดกับคุณอริสมันต์โดยความหมายรวมทำนองนี้ในเวลาไม่ถึงนาที แล้วย้ำกับคุณอริสมันต์ว่า หากมวลชนของคุณอริสมันต์ถอยกลับตามสัญญาก็จะได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นในฐานะที่แสดงความเป็นนักประชาธิปไตยในการประท้วงแล้วส่งความคิดเห็นตามช่องทางที่เหมาะสม จบแล้วก็จบกระบวนการประท้วง

หลังการยื่นหนังสือประณามรัฐบาลไทยแล้วขบวนมวลชนเสื้อแดงของคุณอริสมันต์ก็ถอยกลับไปอย่างเป็นระเบียบ ทำให้ผมโล่งใจและภูมิใจในความยึดมั่นสัจจะวาจาของคุณอริสมันต์ หลังจากนั้นผมก็ได้ข่าวว่ามีชาวพัทยาจำนวนหนึ่งไม่พอใจการที่พวกคุณอริสมันต์มาประท้วงทำให้เสียหายต่อบรรยากาศทางสังคมและธุรกิจของเมืองพัทยา และกลุ่มชาวพัทยาที่มาประท้วงรออยู่ปากทางตอนที่พวกคุณอริสมันต์กำลังถอยขบวนย้อนทางออกไป ชาวพัทยาที่ประท้วงใส่เสื้อสีน้ำเงินเป็นสัญลักษณ์ ผมถามท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีก็ได้ความว่ามีจำนวนรวม 500 คน และท่านรับทราบถึงการมาของขบวนชาวเมืองพัทยา กลุ่มเสื้อสีน้ำเงินมีทั้งชาวเมืองที่ทำธุรกิจท่องเที่ยวและชาวประมง แต่การใส่เสื้อสีน้ำเงินแสดงถึงการจัดตั้งกลุ่มผู้ชุมนุมเอามาต่อต้านฝ่ายเสื้อแดงซึ่งมีจำนวนมากกว่า ผมมาทราบทีหลังว่ามีการตะโกนด่าทอและขว้างปาใส่กันบ้าง แต่ไม่มีใครบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิต

เมื่อผมกลับไปพักที่โรงแรมริเวียร่า ในเขตนาเกลือ ไกลจากที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ได้ดูช่องโทรทัศน์ D-Station ผ่านดาวเทียมของคุณทักษิณ ชมการปราศรัยบนเวทีของผู้ประท้วงที่กรุงเทพฯ ประกาศให้มวลชนเสื้อแดงเดินทางไปสมทบและเตรียมประท้วงการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยาอีกรอบหนึ่ง ผมฟังคำปราศรัยของคุณทักษิณ ผ่านจอภาพวิดีโอ บอกว่า “ผมแพ้ไม่ได้” ประท้วงแล้ว “ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือกลับมา” แล้วเรียกร้องการชุมนุมที่เข้มข้นขึ้น ได้ยินดังนี้แล้วผมก็สิ้นหวัง และเชื่อว่าคำสั่งของคุณทักษิณนั้นศักดิ์สิทธิ์เหนือสัจจะวาจาใดๆที่คุณอริสมันต์ให้ไว้กับผู้ว่าราชการ จังหวัดชลบุรี หรือที่สัญญากับผมจากการคุยกันอย่างฉาบฉวยไม่กี่วินาที

เช้าวันที่ 11 เมษายน 2552 ผมไม่คิดว่าการประชุมสุดยอดอาเซียนจะเป็นไปได้ ดูจากสีหน้าที่โกรธขึ้งของคุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และคุณจตุพร พรหมพันธุ์ บนเวทีปราศรัยหน้าทำเนียบรัฐบาลก็เห็น ความรุนแรงและมุ่งมั่นที่จะเอาชัยชนะติดมือจากพัทยากลับไปมอบให้คุณทักษิณให้ได้ ระหว่างทางบนถนนนาเกลือ ไปสู่โรงแรมที่จัดประชุมสุดยอดอาเซียน ผมพบกลุ่มเสื้อแดงวิ่งไล่ตีชาวพัทยาบริเวณวงเวียนน้ำพุ กระเจิดกระเจิงมาในซอยที่ผมกับทีมงานสารคดีโทรทัศน์อาเซียนหลบอยู่ ชายหนุ่มชาวพัทยาที่หนีเข้ามามือโชกเลือดเนื้อฉีกเป็นแผ่นยาวน่ากลัว เลือดไหลไม่หยุด ผมให้ผ้าเช็ดหน้าไปซับเลือด แล้วเจ้าของร้านขายของบริเวณใกล้เคียงก็ออกมาช่วยทำแผลให้ พวกเสื้อแดง วิ่งไล่ล่าตามมาในซอยหวังทุบตีด้วยไม้กระบองในมือ แต่ชาวพัทยาผู้บาดเจ็บก็ขึ้นรถหลบหนีไป ผมกับช่างภาพวิดีโอส่องกล้องถ่ายภาพเหล่านี้ไว้แล้วเดินออกไปปากซอย ดูเหตุการณ์ถึงวงเวียงน้ำพุแยกถนนนาเกลือ ซึ่งอยู่หน้าโรงแรมดุสิตธานีอันเป็นที่พักผู้นำชาติเอเชียตะวันออก ผมพบพวกเสื้อแดงในอาการโกรธแค้น ด่าทอหยาบคาย ผมเห็นตำรวจพัทยาปลอบใจหญิงเสื้อแดงที่อยากจะอยู่สู้กับชาวพัทยาบนถนน แต่ตำตำรวจบอกให้ไปอยู่กับคนเสื้อแดงบนรถจะได้ปลอดภัย ผมได้คุยกับนายอำเภอบางละมุงเพื่อประเมินสถานการณ์ หากผมจะเดินทางต่อไปยังโรงแรมที่ประชุม

ทีมงานของผมขับรถหลบพวกเสื้อแดงที่ปิดหน้าโรงแรมอยู่ แล้วอ้อมเข้าด้านหลังโรงแรมรอยัล คลิฟ รีสอร์ท ซึ่งเงียบสงบและปลอดภัย เดินผ่านสวนของโรงแรม เห็นเหล่าทหารที่ไม่มีหน้าที่ยืนแถว เตรียมพร้อมนอนเอนกายกันทั่วไปในสภาพที่ไม่เตรียมพร้อม เป็นภาพที่ไม่สวย ไม่เข้มแข็ง แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่ก็ตาม ผมคิดว่าไม่ว่าทหารจะมีจำนวนมากน้อยเท่าใด ทั้งหมดก็ ควรเข้าแถวยืนประจันหน้ากับผู้ประท้วง และควรกันผู้ประท้วงไม่ให้เข้ามาตั้งแต่ปากทางแล้ว การไปดูแลความปลอดภัยของที่ประชุมระดับโลกเช่นนี้ไม่ควรไปนอนรอคอยคำสั่งหรือนอนพักผ่อนแต่อย่างใด การปกป้องที่ประชุมสุดยอดระดับโลกเช่นนี้หย่อนยานมาก และน่าตำหนิในความไม่เอาใจใส่ภาพลักษณ์ของทหารเลย ใกล้ๆกันก็มีพวกเสื้อแดงเข้ามานั่งและเดินด่ารัฐบาลกันระเกะระกะบนสนามของโรงแรม
ขณะที่ขบวนประท้วงใหญ่อยู่กันแน่นถนนหน้าโรงแรม ผมเดินเข้าไปนั่งคุยกับพวกเสื้อแดงที่นั่งกันอยู่ราว 50 คน ผมอยากรู้จักคนเหล่านี้ว่าเป็นใครมาจากไหนอย่างไร และมีความคิดเรื่องประชาธิปไตยแบบไหน ชาวเสื้อแดงคุยกับผมอย่างสงบและสุภาพ เว้นหญิงคนหนึ่งที่เดินไปมามองหน้าและด่าทอใส่ผมตลอดเวลา เธอไม่ได้ด่าผม แต่ด่านายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์อย่างหยาบคาย แต่หันหน้ามาทางผมตอนที่ด่า ตามคำบอกเล่าของชายที่นั่งข้างผม เธอเป็นชาวจันทบุรี ฟังจากสำเนียงก็เหน่อแบบจันทบุรีแน่นอน

ผมวิเคราะห์และสรุปนานแล้วว่าความหยาบคายในการใช้ภาษาของพวกพันธมิตรฯเสื้อเหลืองแสดงถึงความขาดสติและขาดเหตุผลที่จะอธิบายแนวคิดของตนเอง เป็นการขาดการศึกษาและวัฒนธรรมของผู้ประท้วงเสื้อเหลืองที่ผมพบมาตั้งแต่ปี 2551 ที่พัทยาคราวนี้ผมมาพบความหยาบคายในหมู่คนเสื้อแดงอีกทั้งบนเวทีปราศรัยที่กรุงเทพฯและที่พัทยา และพบตรงๆแบบด่าใส่หน้าบนสนามหญ้าของโรงแรมที่จัดประชุมสุดยอดอาเซียนผมก็คิดว่าคุยไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเธอผู้หยาบคายมีแต่อารมณ์ร้าย ผมคุยกับชายวัยใกล้เคียงกับผม (ปัจจุบันผมอายุ 60 ปี) ซึ่งเป็นชาวสุพรรณบุรี บ้านเดียวกับผม เขาบอกว่า ที่สุพรรณบุรี สมาชิกพรรคไทยรักไทยที่แพ้การเลือกตั้ง ส.ส. เป็นผู้จัดรวบรวมและขนชาวสุพรรณฯมาร่วมชุมนุม โดยดูแลความสะดวกต่างๆ แต่เขายืนยันว่าไม่มีการจ่ายค่าจ้างเป็นเงินสดตามที่เป็นข่าว

ผมพยายามอธิบายหลักวิชาการประชาธิปไตยว่าการแสดงความเห็นทางการเมืองนั้นทำได้ แต่ความหยาบคายนั้นสร้างแต่ความโกรธไม่สร้างความเข้าใจอันดี เพราะการด่าไม่มีข้อมูลให้ช่วยคิดอะไรใหม่ได้ การไล่นายกฯ อภิสิทธิ์ออกเพราะบอกว่าเป็นคนเลวก็ไม่ถูก เพราะนายกฯอภิสิทธิ์เป็นคนดีมีความรู้ความสามารถ ไม่มีเรื่องทุจริตเหมือนคุณทักษิณ ดังนั้นการที่จะไล่นายกอภิสิทธิ์ออกจากตำแหน่งก็ต้องทำด้วยเหตุแห่งความด้อยประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ และการประท้วงเป็นเพียงการแสดงความเห็นเท่านั้น ส่วนการจะให้ลาออกได้หรือไม่ได้เป็นเรื่องของระบอบประชาธิปไตย ต้องผ่านกระบวนการประชาธิปไตยที่ถูกต้องแท้จริง คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎร หรือการยุบสภาแล้วลาออกเองโดยนายกรัฐมนตรี ผู้มาประท้วงไม่มีสิทธิ์สร้างเป็นเงื่อนไขในการประท้วง การจะล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนหากนายกรัฐมนตรีไม่ลาออกนั้นเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ในระบอบประชาธิปไตย มาถึงเวทีการประท้วงซึ่งอาศัยหลังคารถบรรทุกเป็นที่ยืนปราศรัย ผู้ปราศรัยนำโดยคุณอริสมันต์ พงศ์เรื่องรองเช่นเดิม เห็นหน้าคุณอริสมันต์อีกครั้งผมก็หมดความเชื่อถือในสัจจะวาจาที่เคยให้ไว้เมื่อวาน

ผมเชื่อในใจว่าคุณอริสมันต์จริงใจกับอาเซียนเมื่อวันวานที่ถอยกำลังกลับไป แต่ก็มั่นใจว่าคุณทักษิณมีอำนาจสั่งการเหนือกว่า แล้วสั่งผ่านผู้นำบนเวทีอภิปรายหน้าทำเนียบรัฐบาลที่กรุงเทพฯ ผมเชื่อว่าการล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนเป็นของติดไม้ติดมือกลับที่คุณทักษิณต้องการเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะ ไม่ว่าจะอ้างเงื่อนไขอะไร เมื่อวันวานผู้ประท้วงสร้างเงื่อนไขเพียงขอยื่นหนังสือประท้วง

แต่มาวันนี้ผู้ประท้วงขอขัดขวางการประชุม หากไม่จับตัวคนที่ทำให้พวกเสื้อแดงเสียชีวิตในการปะทะกันที่พัทยา โดยอ้างว่ามีพวกเสื้อแดงเสียชีวิตจริง แต่ข้อเท็จจริงตอนนั้นไม่มีใครทราบ ผมเองทราบเป็นส่วนตัวเพราะพบเห็นโดยตรงว่าพวกเสื้อแดงตีชาวพัทยามือฉีกเลือดโชกไปหนึ่งคน หนุ่มพัทยาที่รับผ้าเช็ดหน้าจากผมไปห้ามเลือดย่อมยืนยันได้

ความจริงในวันต่อมาก็พบว่าไม่มีใครเสียชีวิตตามที่คุณอริสมันต์ประกาศเอาเป็นเงื่อนไขการล้มการประชุมสุดยอดอาเซียน คุณทักษิณใช้คุณอริสมันต์ทำลายอาเซียนจนคุณทักษิณและคุณอริสมันต์ถือว่าฝ่ายตนได้รับชัยชนะ

แต่ในความเห็นของผมนั้นคุณทักษิณพ่ายแพ้ยับเยินจากพฤติกรรมที่ก่อขึ้นครั้งนี้ ไม่มีใครในโลกจะเห็นเป็นอื่น ไม่มีใครจะสรุปว่าคุณทักษิณเป็นคนดีได้เลย หากได้เห็นและรู้จักวิเคราะห์คุณทักษิณอย่างที่ผมรู้จักและวิเคราะห์คุณทักษิณมานาน 25 ปี
สำหรับอาเซียนและประเทศไทยนั้นก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสียหายมหาศาลด้วยแน่นอน การประชุมสุดออดอาเซียน+6 ล่มลงอย่างน่าเสียใจ โลกชะงักงันต่อโอกาสในการประชุมแก้ปัญหาวิกฤติการเงินที่ทั้งโลกและอาเซียนเผชิญอยู่ อาเซียนต้องหยุดกระบวนการทำงานที่สำคัญที่สุดในรอบ 42 ปีของอาเซียนที่กำเนิดที่ประเทศไทย แล้วก็มาบาดเจ็บสาหัสที่ประเทศไทยในครั้งนี้

รัฐบาลไทยของผมและของท่านนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเสียหายอย่างหนักที่สุด ในนามของประเทศไทย เราจะไม่มีโอกาสดีเช่นนี้อีกแล้วในการทำงานเพื่ออาเซียน หน้าที่ของเราต่อไปนี้ก็คือทำงานหนักเพื่อกลับไปร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนให้เหมือนสมาชิกปรกติธรรมดาให้ได้ในอนาคต คุณทักษิณไม่มีทางจะกลับมาเป็นผู้นำประเทศไทยและร่วมอยู่ในสมาคมอาเซียนได้อีกเลยเพราะคุณทักษิณเป็นผู้ทำลายอาเซียน

อนาคตที่เราจะกลับเข้าสู่ความอบอุ่นของอาเซียนนั้นอยู่ข้างหน้า แต่อยู่ยาวไกลมากๆ เพราะชื่อเสียงเกียรติภูมิของราชอาณาจักรไทยเสียหายหมดสิ้นแล้ว ชื่อเสียงที่ว่าหมดสิ้นแล้วนั้นเป็นความจริง ที่ชาวโลกกำหนด แต่เราก็สร้างชื่อเสียงขึ้นใหม่ได้แม้จะใช้เวลานานก็ตาม

ผมเห็นว่าคนรุ่นปัจจุบันที่เป็นผู้สนับสนุนคุณทักษิณ ขาดเหตุผล ความรู้เรื่องประชาธิปไตย ขาดวัฒนะธรรมสังคมประชาธิปไตยเขาเป็นผู้ทำลายเกียรติภูมิของชาติของตนและทำลายศักดิ์ศรีของตนเองในฐานะพลเมืองในสังคมประชาธิปไตย จะแก้ไขได้ก็โดยการเพิ่มการศึกษาอบรม หาความรู้เพิ่มเติมให้มากๆเพื่อให้เป็นคนมีเหตุผลและมีวัฒนธรรมและสามารถดำเนินชีวิตในสังคมประชาธิปไตยได้ เรื่องนี้ทำได้แม้จะยากยิ่งเพราะต้องใช้เวลาและต้องตั้งใจพัฒนาตนเองให้หลุดพ้นจากอารมณ์ที่เกิดจากการรับข้อมูลข่าวสารที่ผิดจริงๆ คุณทักษิณและผู้สนับสนุนทั่วประเทศจะต้องมีความพร้อมที่จะวิเคราะห์ตัวเองด้วยหลักปรัชญาประชาธิปไตย ต้องมีความพร้อมในการเรียนรู้หลักประชาธิปไตยที่แท้จริงกันใหม่ ซึ่งมา ณ เวลานี้ก็สายเกินไปแล้ว เพราะอารมณ์มาอยู่เหนือสติยั้งคิด เรียนรู้พัฒนาตนเองให้อยู่ในสังคมประชาธิปไตยไม่ทันแล้ว

ผมคิดว่าต้องมอบประเทศไทยและอาเซียนให้กับคนรุ่นใหม่ แต่คนรุ่นใหม่จะต้องเริ่มเรียนรู้อย่างจริงจังต่อสถานการณ์และความล้มเหลวของคนรุ่นปัจจุบัน เหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2551-2552 นี้ต้องเป็นหน้าที่ของคนรุ่นใหม่ที่จะต้องศึกษาวิเคราะห์อย่างละเอียดลึกซึ้งเพื่อสร้างสังคมประชาธิปไตยที่สงบงดงามให้เกิดขึ้นให้จงได้ การศึกษาเท่านั้นที่สร้างสังคมและวัฒนธรรมประชาธิปไตยขึ้นได้ในราชอาณาจักรไทย

สมเกียรติ อ่อนวิมล พัทยา 11 เมษายน 2552

My Holiday

ร้านอาหารชื่อ "จันผา" เพื่อนเคยพามากินแล้ว บรรยากาศดี เลยโรบินสัน ศรีราชามาหน่อยเดียว สั่งอาหารเพียบ แต่ไม่ได้ถ่ายมาให้เพื่อนนะ ที่ชอบคือ ต้นไม้ "ต้นหางนกยูง" นี่แหละ สีสวยสดสะใจกับอากาศร้อน อ้อ...อาหารอร่อยมากนะคะ ถ้าเพื่อนมาจะพาไปรับประทาน ที่กินกันก็ซีฟู้ด น่ะแหละ เดากันเอาเองแล้วกัน










ตลาดหนองมน


Central Pattaya, หน้าลิฟท์แก้ว




จากตรงที่ถ่ายรูปก็จะเห็นมุมนี้ มีคำว่า Pattaya อยู่ไกล ๆ นั่นแหละ

ตรงนี้ก็ทางเข้าตรงหน้าลิฟท์แก้ว

ร้านไอครีม ของหวาน ร้านสวย แต่ไม่ได้กิน เดินไปกินร้านข้างล่างกัน





ร้านนี้แหละจำชื่อไม่ได้ สองคนแม่ลูกชม และสั่ง



สั่งกันไปมาที่ได้มาก็ตรงนี้แหละ ส่วนลาเต้ น่ะของเดี๊ยน กับแอปเปิ้ลทาร์ต

คุณหลานอีกคนก็ไอศครีม แถมมีตุ๊กตาไบลด์ อยู่ด้านหลังซะ (ทำไมตุ๊กตาราคาแพงจังวะ)


วันนี้ตะลอนกินกันที่นี่แหละ หลังจากคอฟฟี่เบรค ไอติมเบรคกันเรียบร้อย ก็ไปเดินย่อยกัน แล้วมื้อเที่ยงไปกิน "Pepper Lunch" ร้านญี่ปุ่น กินสเต็กเนื้อ ของญี่ปุ่น กัน เพราะมันลดราคา เหลือจานละ 210 บาท จากราคาปกติ 450 บาท เป็นช่วงโปรโมชั่น วันนึงเค้ามีไว้จำหน่ายแค่ 15 จานค่ะ ก็เลยต้องรีบ ร้านนี้ก็เหมือนเนื้อกะทะร้อน หรือ ซิสเซิลลิ่นแหละ กะทะเหล็กมาพร้อมเนื้อ และเครื่องปรุง ก็มานั่งพลิกกันไปมาที่โต๊ะ ควันโขมงกันไป เสร็จมื้อเที่ยงไปเดินเล่นกันต่อ เดินเรื่อยไปถึง รอยัลการ์เด้นท์ แล้วนั่งรถสองแถวกลับมาที่เซ็นทรัล (เพราะจอดรถไว้ที่นี่) เดินเหนื่อยแวะไปดูซุปเปอร์มาร์เก็ต มีฟู้ดคอร์ท เห็นของกินก็อยาก เลยหาของกินอีกแระ โอยยยย ราคาแพงเท่ากรุงเทพฯเลย ลาบปลาหมึก จานละหนึ่งร้อยบาท คนแถวนี้เงินเยอะเนะ กินของแพงกันจังเลย
วันแรกที่ไปถึงคือวันแรงงาน รถติดโคตร คนงานมาเที่ยวกันมั๊ง ขับรถไปเกือบสุดหาดนาจอมเทียน มีร้านอาหารชื่อสุดทางรัก วันที่ไปกินนั้นปูม้ามันไม่แน่นอย่างที่คิด ผิดหวัง แต่อย่างอื่นโอเค บรรยากาศดี น้ำจิ้มอร่อยจ้ะ เพื่อนคนไหนอยากชวนไปกินเป็นเพื่อนก็บอกมาได้นะ ไม่เกี่ยงเลยยยยยยยยยยยยจ้าๆๆๆๆ